บัลเล่ต์ (Ballet) คืออะไร? มีกี่ประเภท ประวัติความเป็นมา
เมื่อพูดถึงบัลเล่ต์ (Ballet) ผู้คนมักจะนึกถึงการแสดงที่ผู้แสดงจะเต้นระบำด้วยปลายเท้า ท่าทางสง่างาม มีการกระโดด และหมุนตัวด้วย แต่ในความเป็นจริงแล้ว บัลเล่ต์เป็นการแสดงที่มีความละเอียดอ่อน มีหลากหลายรูปแบบ และมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานไม่แพ้การแสดงประเภทอื่น ๆ เลย
บัลเล่ต์ (Ballet) คืออะไร
บัลเล่ต์ (Ballet) คือการเต้นรำรูปแบบหนึ่ง ที่ผู้แสดงจะระบำด้วยท่าทางที่เป็นรูปแบบเฉพาะตามทำนองเพลง เพื่อสื่อถึงสารของการแสดงชุดนั้น ๆ
คำว่า “Ballet” มาจากคำว่า “Balli” ในภาษาอิตาลี แปลว่า การเต้นรำหรือนาฏยศิลป์ มีจุดเริ่มต้นมาจากการแสดงในราชสำนักอิตาลี แล้วจึงพัฒนามาเรื่อย ๆ จนมีรูปแบบที่ชัดเจน กลายเป็นการเต้นบัลเล่ต์ที่เราคุ้นเคยกันในช่วงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาในประเทศฝรั่งเศส
จุดเด่นของบัลเล่ต์อยู่ที่วิธีเต้นที่จะมีรูปแบบเฉพาะ ทั้งรูปแบบการเคลื่อนไหว การจัดวาง และสมดุลของร่างกาย อย่างเช่นการวางตำแหน่งแขนในท่าต่าง ๆ หรือการยืนด้วยปลายเท้า ที่โดดเด่นจนทำให้ราชบัณฑิตยสถานบัญญัติคำทับศัพท์ของ “Ballet” ว่า “ระบำปลายเท้า”
อีกจุดเด่นหนึ่งที่เป็นที่จดจำอย่างมากเกี่ยวกับบัลเล่ต์คือเครื่องแต่งกาย ที่นักบัลเล่ต์มักสวมชุดกระโปรงบานที่เรียกว่าชุดตูตู (Ballet Tutu) และรองเท้าบัลเล่ต์ (Point shoes) เครื่องแต่งกายเหล่านี้ช่วยเสริมทั้งเรื่องความสวยงาม และยังทำให้นักบัลเล่ต์สามารถจัดสมดุลร่างกายได้ดีขึ้นด้วย
องค์ประกอบของบัลเล่ต์มีอะไรบ้าง
การแสดงบัลเล่ต์ไม่ได้มีเพียงการเต้นเท่านั้น เพราะศิลปะการแสดงหนึ่ง ๆ จะต้องสื่อสารบางอย่างถึงผู้ชม บัลเล่ต์จึงต้องมีองค์ประกอบอื่น ๆ ร่วมด้วย เพื่อส่งเสริมให้การสื่อสารสมบูรณ์และทำให้การแสดงงดงามมากยิ่งขึ้น ได้แก่
เทคนิคการเต้น (Technique)
เทคนิคการเต้น เป็นเหมือนพื้นฐานในด้านต่าง ๆ ของการเต้นบัลเล่ต์ โดยเทคนิคการเต้นบัลเล่ต์ที่นักบัลเล่ต์ควรมีจะมีทั้งหมด 6 ด้านด้วยกัน ได้แก่
- การจัดวางร่างกายและน้ำหนัก (Posture and weight placement) – นักบัลเล่ต์ต้องมีท่าทางการยืน การโพสต์ รวมถึงการถ่ายน้ำหนักที่ถูกต้อง
- การเคลื่อนไหวที่สัมพันธ์กันของร่างกาย (Co-ordination of the whole body) – เพราะการเคลื่อนไหวในบัลเล่ต์ต้องใช้ทุก ๆ ส่วนของร่างกายในการเคลื่อนไหวรวมถึงดวงตา ทำให้นักบัลเล่ต์ต้องใช้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่างสัมพันธ์กัน
- การบังคับร่างกาย (Control) – การเคลื่อนไหวเพื่อเต้นท่าบัลเล่ต์อย่างถูกต้อง จะต้องใช้ความสมดุลเป็นอย่างมาก นักบัลเล่ต์จึงต้องสามารถบังคับและควบคุมร่างกายให้เคลื่อนไหวไปเรื่อย ๆ ได้อย่างสมดุล
- เส้นของลำตัว (Line) – แขน ขา และลำตัวของนักบัลเล่ต์เปรียบเสมือนเส้นที่จะวาดและเคลื่อนไหวไปเรื่อย ๆ นักบัลเล่ต์จึงต้องเคลื่อนไหวอย่างพริ้วไหวและเป็นธรรมชาติ
- การรับรู้ถึงพื้นที่ (Spatial awareness) – นักบัลเล่ต์จะต้องรับรู้ถึงพื้นที่ที่ต้องใช้ในการแสดง (Space) และใช้พื้นที่ในการแสดงได้อย่างเหมาะสม
- จังหวะและพลัง (Dynamic values) – นักบัลเล่ต์ต้องใช้การเคลื่อนไหวที่แรงและเบา จังหวะที่ช้าและเร็ว เพื่อสื่อสารอย่างเหมาะสม
ดนตรี (Music)
บัลเล่ต์พื้นฐานเป็นการแสดงที่จะต้องเต้นรำไปพร้อม ๆ กับดนตรี นักบัลเล่ต์จึงจำเป็นต้องเข้าใจดนตรีที่จะใช้ในการแสดงอย่างถ่องแท้ ตั้งแต่ทำนอง จังหวะ ความหมายของเพลง ไปจนถึงเครื่องดนตรีที่ใช้ในการแสดงบัลเล่ต์ เพื่อให้การแสดงออกมาดีที่สุด โดยดนตรีจะมีผลกับการเต้นบัลเล่ต์อยู่ 2 อย่าง ได้แก่
- เวลาที่เหมาะสม (Timing) – นักบัลเล่ต์ต้องเคลื่อนไหวให้ถูกตามจังหวะห้องเพลง
- การตอบสนองต่อดนตรี (Responsiveness to music) – นักบัลเล่ต์เต้นบัลเล่ต์ให้เข้ากับดนตรี ทั้งในเรื่องอารมณ์ จังหวะ ความหนักเบา และอื่น ๆ
การแสดง ( Performance )
การแสดง เป็นสิ่งสำคัญในการเต้นบัลเล่ต์ เนื่องจากเป็นสิ่งที่มีผลต่อการสื่อสารของนักบัลเล่ต์ เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจสารของการแสดงนั้น ๆ โดยที่การแสดงในบัลเล่ต์จะหมายรวมตั้งแต่การเคลื่อนไหว ความเข้ากันได้กับดนตรี ท่าเต้น การตีความท่าเต้น อารมณ์ ความรู้สึก ไปจนถึงการแสดงออกทางสีหน้า
ประวัติบัลเล่ต์
บัลเล่ต์เป็นนาฏยศิลป์สากลที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน หากนับจากช่วงที่มีการกำหนดท่าเต้นบัลเล่ต์เป็นรูปแบบที่ชัดเจน ก็นับได้ว่ามีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 500 ปี โดยสามารถแบ่งประวัติบัลเล่ต์ตามความเปลี่ยนแปลงในยุคต่าง ๆ ได้ดังนี้
กำเนิดนาฏยศิลป์และพิธีกรรม
นาฏยศิลป์ หมายถึงการทำการฟ้อนรำให้วิจิตรพิสดาร นาฏยศิลป์มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีจุดประสงค์เพื่อการบูชา บวงสรวงเทพเจ้า จากความเชื่อที่ว่าจะทำให้เทพเจ้าพอใจ เมื่อเกิดอารยธรรมขึ้น นาฏยศิลป์ก็ไม่ได้หายไปไหน และกลายเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมต่าง ๆ ที่ผูกโยกกับชีวิตมนุษย์ตั้งแต่เกิดไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
บัลเล่ต์ก็เช่นกัน จุดกำเนิดของบัลเล่ต์มาจากนาฏยศิลป์ในราชสำนัก ที่มีขึ้นเพื่อความรื่นเริง และเป็นเครื่องมือแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของราชสำนักเหล่านั้น
Ballet in Renaissance Italy
บัลเล่ต์เกิดขึ้นที่ประเทศอิตาลีในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ก่อนหน้านี้อิตาลีมีนาฏยศิลป์เป็นของตนเอง แต่เมื่อถึงยุคกลาง ด้วยความเชื่อต่าง ๆ ทำให้นาฏยศิลป์ถูกทำลายไป เมื่อถึงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา อิตาลีจึงได้นำศิลปะในยุคกรีกและโรมันกลับมาใหม่ รวมถึงนาฏยศิลป์ที่มีชื่อว่า “Balli” ด้วย
โดย Balli คือการเฉลิมฉลองรูปแบบหนึ่ง ที่จะให้อัศวินมาต่อสู้ประลองฝีมือกัน ในช่วงพักการประลองนี้เอง จะมีการแสดงที่สื่อสารถึงบทประพันธ์มหากาพย์ในยุคกรีกโรมัน กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนานาฏยศิลป์ให้กลายเป็นบัลเล่ต์ต่อไป
บัลเล่ต์ในราชสำนักฝรั่งเศส
จุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดบัลเล่ต์ที่เป็นแบบแผน มาจากราชสำนักฝรั่งเศส ในช่วง ค.ศ.1494 พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 8 (Charles VII) ขยายอำนาจไปยังอิตาลี และรับเอาคำว่า Balli เข้ามา และเริ่มกลายเป็น “Ballet” นาฏยศิลป์ในราชสำนักฝรั่งเศส
บัลเล่ต์เฟื่องฟู และเป็นที่รู้จักในวงกว้างในยุคของ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (Louis XIV) จนมีรูปที่เป็นภาพจำของพระเจ้าหลุยส์ในชุดพระอาทิตย์ (The Sun King) นอกจากนี้ในยุคสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ยังมีการก่อตั้งโรงเรียนบัลเล่ต์ The Royal Academy of Dance รวมถึงตำราบัลเล่ต์ที่บัญญัติศัพท์และท่าทางของบัลเล่ต์ไว้จนเกิดเป็นบัลเล่ต์ต้นกำเนิด โดยปิแอร์ โบชอง (Pierre Beauchamps) ทำให้ชื่อเรียกท่าต่าง ๆ ของบัลเล่ต์ ถูกเรียกเป็นภาษาฝรั่งเศสมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนนักบัลเล่ต์ในยุคนี้ เริ่มแรกจะเป็นนักบัลเล่ต์ชายทั้งหมด ต่อมาจึงเปิดโอกาสให้นักบัลเล่ต์หญิงเข้าร่วมแสดงได้ด้วย
Influence of Italian and French Styles
บัลเล่ต์เริ่มต้นที่อิตาลี ถูกนำเข้ามาพัฒนาในฝรั่งเศส หลังจากนั้นบัลเล่ต์ก็กระจายไปทั่วยุโรป โดยเฉพาะที่รัสเซีย แต่ละประเทศก็จะนำบัลเล่ต์ไปปรับปรุงพัฒนาต่อให้เป็นรูปแบบของตนเอง มีการนำบัลเล่ต์ไปแสดงเพื่อเล่าเรื่องทั่วไปมากขึ้น เล่าเรื่องเกี่ยวกับกรีกและโรมันน้อยลง เปลี่ยนแบบชุด แบบฉากให้สิ้นเปลืองน้อยลง เพื่อให้ความสำคัญกับการแสดงของนักบัลเล่ต์มากขึ้น
แม้จะมีช่วงที่ซบเซาไปบ้าง แต่บัลเล่ต์ก็ยังคงพัฒนาเรื่อยมา และกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในรัสเซีย ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เข้าสู่ยุคปัจจุบันที่มีการพัฒนาบัลเล่ต์ไปเรื่อย ๆ เป็นแบบแผนดั้งเดิมน้อยลง
บัลเล่ต์ในปัจจุบัน
บัลเล่ต์ในยุคปัจจุบันเริ่มต้นที่ศตวรรษที่ 20 เมื่อนักออกแบบท่าเต้นชาวรัสเซีย Sergei Diaghilev ได้ริเริ่มการแสดงบัลเล่ต์ที่ไม่เป็นไปตามขนบเดิมของราชสำนักฝรั่งเศส มีการดัดแปลงชุดและท่าเต้นให้เป็นรูปแบบอื่น
นอกจากการพัฒนาของบัลเล่ต์เองแล้ว บัลเล่ต์ยังถูกนำไปประยุกต์เป็นนาฏยศิลป์แขนงใหม่ด้วย นั่นคือ Modern Dance, Contemporary Dance และ New Dance นั่นเอง
ประวัติบัลเล่ต์ในประเทศไทย
ประวัติบัลเล่ต์ในประเทศไทยนั้นเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 ที่มีการเรียนการสอนเต้นบัลเล่ต์ในโรงเรียนนาฎดุริยางค์ศาสตร์ และเริ่มมีการเรียนการสอนในโรงเรียนอื่นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นเมื่อสมัยรัชกาลที่ 9 เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ทรงประพันธ์เพลงที่ใช้ในการแสดงบัลเล่ต์หลายเพลง
หลังจากนั้นบัลเล่ต์ในประเทศก็เป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในปัจจุบันยังไม่มีคณะบัลเล่ต์อาชีพ ทำให้การแสดงบัลเล่ต์ในไทยยังไม่ได้รับความนิยมมากเท่าใดนัก แต่ก็ยังคงเป็นที่รู้จักและมีแนวโน้มที่จะมีผู้สนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
บัลเล่ต์มีกี่ประเภท
Classical Ballet
บัลเล่ต์คลาสสิค เป็นบัลเล่ต์แบบดั้งเดิมตามแบบแผนของราชสำนักฝรั่งเศส จะแสดงร่วมกับวงออเครสตราเต็มวง เล่าเรื่องน้อย เน้นที่การแสดงเป็นหลัก การเคลื่อนไหวจะพริ้วไหวมาก ชุดที่นักบัลเล่ต์สวมใส่จะสวยงามและซับซ้อน
ตัวอย่างการแสดงบัลเล่ต์เรื่องที่เป็นบัลเล่ต์คลาสสิค ได้แก่ Swan Lake, The Nutcracker และ Sleeping Beauty ประพันธ์โดยนักประพันธ์ชาวรัสเซีย Pyotr Ilyich Tchaikovsky
(Swan Lake และ The Nutcracker เป็นเรื่องที่อยู่ก้ำกึ่งระหว่าง Classical Ballet และ Russian Ballet เนื่องจากประพันธ์โดยนักประพันธ์ชาวรัสเซีย และมักถูกหยิบมาเล่นโดยคณะบัลเล่ต์รัสเซีย แต่โครงสร้างและการเล่าเรื่องเป็นแบบ Classical Ballet)
Romantic Ballet
บัลเล่ต์โรแมนติก เป็นบัลเล่ต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 จากอิทธิพลของศิลปะยุคโรแมนติกที่จะเน้นในเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกมากขึ้น จึงมีการใช้การเล่าเรื่องและดนตรีที่เปลี่ยนไปเพื่อส่งเสริมให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกในหมู่ผู้ชมมากขึ้น นอกจากนี้ บัลเล่ต์โรแมนติกยังเป็นจุดเริ่มต้นของการยืนด้วยปลายเท้า และการใส่ชุดแบบตูตูด้วย
ตัวอย่างบัลเล่ต์เรื่องที่แสดงเป็นบัลเล่ต์โรแมนติก ได้แก่ Giselle ประพันธ์โดย Adolphe Adam, Romeo and Juliet ดัดแปลงโดย Sergei Prokofiev และ Coppélia ออกแบบท่าเต้นโดย Arthur Saint-Léon
Neoclassical Ballet
บัลเล่ต์นีโอคลาสสิค เริ่มต้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 บัลเล่ต์รูปแบบนี้จะแตกต่างจากบัลเล่ต์คลาสสิคที่เซตการแสดง ทั้งฉากและชุดที่มากเกินไปจะถูกนำออกทั้งหมด เหลือไว้เพียงการแสดงของนักบัลเล่ต์ ดนตรี และฉากกับชุดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และยังเริ่มนำการแสดงออกและสื่อถึงสิ่งที่เป็นนามธรรมเข้ามา เพื่อเน้นอารมณ์ความรู้สึกของผู้ชมให้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ตัวอย่างบัลเล่ต์เรื่องที่แสดงเป็นบัลเล่ต์นีโอคลาสสิค ได้แก่ Apollo ประพันธ์โดย Igor Stravinsky, Symphony in C ประพันธ์โดย Georges Bizet และ The Four Temperaments ประพันธ์โดย Paul Hindemith
Russian Ballet
บัลเล่ต์รัสเซีย เป็นบัลเล่ต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นในยุคที่บัลเล่ต์เฟื่องฟูมากในประเทศรัสเซีย จุดเด่นของการแสดงบัลเล่ต์รัสเซียคือเทคนิคการเคลื่อนไหวที่งดงามและทรงพลัง เกิดจากการผสมผสานของบัลเล่ต์คลาสสิคกับระบำพื้นบ้านของรัสเซีย ทำให้บัลเล่ต์รัสเซียโดดเด่น และแตกต่างจากบัลเล่ต์แบบอื่น
ตัวอย่างบัลเล่ต์เรื่องที่แสดงเป็นบัลเล่ต์รัสเซีย ได้แก่ Raymonda ประพันธ์โดย Alexander Glazunov, Don Quixote และ La Bayadère ประพันธ์โดย Ludwig Minkus
Contemporary Ballet
บัลเล่ต์คอนเทมโพรารี่ หรือคอนเทนโพรารี่แดนซ์ เป็นนาฏยศิลป์รูปแบบหนึ่งที่พัฒนามาจากบัลเล่ต์ โดยใช้เทคนิคโมเดิร์นแดนซ์ (Modern Dance), การแสดง (Acting) และละครใบ้ (Mime) ผสมผสานเข้าไปด้วย จุดเด่นของบัลเลต์คอนเทมโพรารี่ คือสารของการแสดง ที่จะสื่อถึงอารมณ์ภายในของผู้แสดงเป็นหลัก โดยอาจจะมีเนื้อเรื่องหรือไม่ก็ได้
ตัวอย่างบัลเล่ต์เรื่องที่แสดงเป็นบัลเล่ต์คอนเทมโพรารี่ ได้แก่ Chroma ประพันธ์โดย Joby Talbot and Jack White III, Artifact ประพันธ์โดย Johann Sebastian Bach and Eva Crossman-Hecht และ In the Middle, Somewhat Elevated ประพันธ์โดย Thom Willems
หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้ แล้วเริ่มรู้สึกว่าบัลเล่ต์มีเสน่ห์กว่าที่คิด และอยากลองสัมผัสด้วยตัวเอง เราขอแนะนำบทความที่ รวม 10 โรงเรียนสอนบัลเล่ต์ทั่วกรุงเทพและปริมณฑล 2568 หลายแห่งมีคอร์สทดลองเรียนฟรี การเริ่มต้นได้ง่ายกว่าที่คิด แค่ลองไปสัมผัสด้วยตัวเอง
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก
MasterClass. (2021, July 28). Types of Ballet: 10 Ballet Styles and Techniques. MasterClass. https://www.masterclass.com/articles/types-of-ballet-explained
History of Ballet. Dancewear Central. https://www.dancewearcentral.co.uk/history-of-ballet-i284
ภัชภรชา แก้วพลอย. หลักสูตรการเรียนการสอนบัลเล่ต์ในค่านิยมปัจจุบันของสังคมไทย Ballet Curriculum in current view of Modern Society in Thailand. วารสารดนตรีและการแสดง. https://so06.tci-thaijo.org/index.php/Mupabuujournal/article/download/243809/165408/846730
สุพรรณี บุญเพ็ง. ประวัติบัลเล่ต์ในประเทศไทย / สุพรรณี บุญเพ็ง = History of ballet in Thailand / Suphannee Boonpeng. สำนักงานวิทยทรัพยากร. https://www.car.chula.ac.th/display7.php?bib=
b1569574