เรียนเต้นอะไรดี? แนะนำ 10 ประเภทการเต้นยอดนิยมแบบต่างๆ
การเต้นคือกิจกรรมรูปแบบหนึ่งซึ่งเป็นศิลปะที่แสดงออกผ่านการเคลื่อนไหวของร่างกายเพื่อสื่อสารและถ่ายทอดเรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึก อาจจะประกอบด้วยองค์ประกอบอย่างดนตรีและเสียงต่างๆ โดยรูปแบบจะแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ ของต้นกำเนิดของการเต้นประเภทต่างๆ
การเต้นเป็นหนึ่งในทักษะที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังมีแนวโน้มได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเพศไหน อายุเท่าไร ก็สามารถฝึกเรียนเต้นได้ เพราะนอกจากจะให้ความเพลิดเพลินแล้ว การเต้นยังช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพและสุขภาพอีกด้วย แล้วเราควรจะเริ่มเรียนเต้นอะไรดี การเต้นมีกี่แบบ? เราจึงจะมาแนะนำ 10 ประเภทการเต้นยอดนิยมในแบบต่าง ๆ ที่น่าสนใจ เปลี่ยนการเต้นให้กลายเป็นกลายเรื่องสนุกและเพลิดเพลิน
1. Ballet
บัลเล่ต์ หนึ่งในทักษะพื้นฐานการเต้นที่ได้ยอมรับมาอย่างยาวนาน มีรูปแบบการเต้นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เช่น การยืนบนปลายเท้า การจัดวางรูปแบบเท้า การจัดความสมดุลของร่างกาย เป็นต้น เน้นในเรื่องของความสง่างาม ให้ความรู้สึกที่ล่องลอย การควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายให้พริ้วไปตามเสียงดนตรี การเต้นบัลเล่ต์นี้ยังสามารถนำไปพัฒนาทักษะประเภทของการเต้นอื่น ๆ ได้อีกด้วย ผู้ที่อยากมีพื้นฐานการเต้น และฝึกบุคลิกที่สง่างามควบคู่กันไปด้วย การเรียนเต้นบัลเล่ต์จึงเป็นพื้นฐานสำคัญของการเต้นเลย
นอกเหนือจากท่าบัลเล่ต์ที่มีเทคนิคเฉพาะแล้ว การแต่งกายก็ยังคงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเช่นกัน โดยเฉพาะรองเท้าและชุดที่สวมใส่ ซึ่งเราจะเรียกว่า Ballet tutu และ Point shoes ตามลำดับ
2. Jazz Dance
การเต้น Jazz Dance เป็นการเต้นที่เน้นความสนุกสนานและเข้าสังคม เนื่องจากมีท่าทางการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว มีสีสัน ประกอบกับเพลงที่มีจังหวะเร็ว เร้าใจ จึงทำให้แจ๊สแดนซ์มีทักษะการเต้นที่แตกต่างออกไป เช่น การหดและคลายกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ มีการใช้สะโพก หมุนตัว สะบัดหัว รวมไปถึงการเคลื่อนไหวของมือ เป็นต้น อีกทั้งแจ๊สแดนซ์ยังนิยมนำไปเต้นประกอบการแสดง ละครเวที ละครเพลง เพื่อแสดงให้เห็นถึงบทบาทของสถานการณ์ในขณะนั้น
3. Contemporary Dance
ในปัจจุบันการเต้น Contemporary Dance เริ่มเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างมากขึ้น เนื่องจากได้ถูกนำมาผสานเข้ากับการเต้นหลาย ๆ ประเภท โดย Contemporary Dance เป็นการเต้นรำร่วมสมัย ที่ได้รวมเทคนิคของ Modern Dance และ Ballet เข้าไว้ด้วยกัน การเต้นประเภทนี้จะใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อออกแบบท่าเต้น เป็นประเภทการเต้นที่เน้นแสดงออกถึงความรู้สึกข้างในของตัวผู้แสดง มีการเคลื่อนไหวของร่างกายตามแรงโน้มถ่วง และแรงเหวี่ยง มีการหด คลายของกล้ามเนื้อ ใช้การย่อเข่า เป็นต้น
4. Hip-Hop Dance
ผู้ที่อยากเอนจอยไปกับเสียงเพลงบีทหนัก ๆ การเต้น Hip Hop Dance อาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าเรียน เนื่องจาก Hip Hop Dance ถูกออกแบบมาเพื่อเต้นเข้าจังหวะกับแนวเพลง Hip Hop ที่เน้นเสียงอิเล็กทรอนิกส์ เสียงกลอง และเบส มีจังหวะเพลงที่เร็ว การเต้นจึงต้องอาศัยการโยกตัว กระโดด ให้เข้ากับจังหวะเสียงเพลง รวมถึงต้องเน้นการออกท่าเต้นที่ชัดเจนและแข็งแรง นอกจากนี้การเต้นฮิปฮอป ยังสามารถใส่ท่าเต้นที่เลียนแบบสิ่งต่าง ๆ ได้อีกด้วย เช่น การเลียนแบบหุ่นยนต์ การกระตุกตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เป็นต้น
5. Tap Dance
Tap Dance หรือการเต้นแท็ป โดยที่มาของชื่อการเต้นประเภทนี้เกิดมาจากเสียง “แท็ป แท็ป” ของแผ่นเหล็กใต้รองเท้าเต้นเมื่อสัมผัสกับพื้น การเต้นแท็ปเป็นการเต้นที่ผสานไปกับจังหวะดนตรี หรือไม่จำเป็นต้องมีจังหวะดนตรีก็ได้ เพราะสามารถขึ้นจังหวะเองได้ โดยอาศัยเสียงเคาะที่ปลายเท้า ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นของการเต้นประเภทนี้เลย หากมีการประกอบเข้ากับเสียงปรบมือด้วย ก็จะยิ่งเพิ่มให้การเต้นแท็ปมีความสนุกสนามเพิ่มมากขึ้นไปอีก
6. Ballroom Dance
หากเอ่ยคำว่า Ballroom Dance ขึ้นมาอาจจะยังไม่คุ้นชิน แต่ถ้าเป็นคำว่า “ลีลาศ” หลาย ๆ คนคงร้องอ๋อทันที การเต้นลีลาศ หรือ Ballroom Dance นี้เป็นการเต้นที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยและต่างประเทศมาอย่างยาวนาน มีต้นกำเนิดมาจากชนชั้นสูงแถบยุโรป นิยมเต้นในงานเข้าสังคมหรืองานเลี้ยง โดยลีลาศจำเป็นจะต้องอาศัยคู่ชาย-หญิง และมีจังหวะการเต้นแตกต่างกันไป เช่น แทงโก้ (Tango) วอลซ์ (Waltz) เป็นต้น อีกทั้งการเต้นลีลาศยังต้องอาศัยจังหวะของฝีเท้า ท่าทาง รวมถึงบุคลิกภาพอีกด้วย
7. Street Dance
หลาย ๆ คนคงคุ้นเคย หรือเคยเห็นท่าเต้น Street Dance กันมาบ้างแล้ว โดย Street Dance เป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศอเมริกา เนื่องจากได้ปลดปล่อยร่างกายไปกับท่าเต้นได้อย่างอิสระ และยังเป็นการเต้นที่สามารถคิดค้นท่าใหม่ ๆ ได้อยู่ตลอดเวลา หรือจะนำท่าเต้นมาจากกีฬาก็ได้ เช่น การฉีกขา การตีลังกา ท่าหมุนหรือกังหัน เป็นต้น ซึ่งการเต้นสตรีทแดนซ์เน้นไปที่อารมณ์ร่วมกับจังหวะเพลงที่เร็ว แต่ไม่หนักเท่าฮิปฮอป ทำให้ผู้เรียนสามารถสนุกไปกับการเต้นได้ และมีท่าเต้นที่ไม่ยากมาก
8. K-Pop Dance
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสไตล์การเต้นประเภท K-Pop ได้รับความนิยมพุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก เกิดการเต้น Cover Dance ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดยการเต้น K-Pop นี้จะเกิดจากการผสมผสานประเภทการเต้นที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน ทั้ง บัลเลต์ ฮิปฮอป แจ๊สแดนซ์ สตรีทแดนซ์ เป็นต้น สามารถนำมาพัฒนาท่าเต้นให้เข้ากับจังหวะเพลงได้ ซึ่งส่วนมากจะเน้นเป็นเพลงเร็ว มีจังหวะสนุกสนาน
9. Zumba Dance
การเต้นซุมบ้า หรือ Zumba Dance กำลังเป็นการเต้นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการเต้นที่ใช้ออกกำลังกายได้ด้วย โดยการเต้นซุมบ้าจะเน้นไปที่การออกลีลาตามจังหวะเพลงที่มีบีทไม่หนักไม่เร็วจนเกินไป ทำให้ผู้เต้นต้องขยับร่างกายอยู่ตลอดเวลา ซึ่งท่าเต้นจะเน้นไปที่ส่วนสะโพก หน้าท้อง และก้น มีการแบ่ง Step การเต้นเป็น 3 แบบ ได้แก่ ละติน แอโรบิกฮิปฮอป และระบำหน้าท้อง ด้วยท่าเต้นเหล่านี้เองจึงดึงดูดให้ผู้ที่อยากออกกำลังกายแต่ยังได้ความสนุกกลับไปด้วย นิยมเลือกลงเรียน Zumba Dance
10. Folk Dance
Folk Dance เป็นการเต้นตามความนิยมของท้องถิ่น หรือพื้นที่นั้น ๆ หรือที่เราเรียกกันว่า “การเต้นพื้นเมือง” นั่นเอง โดยการเต้นจะแสดงออกถึงความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมประเพณี สภาพภูมิอากาศ ศาสนา ตลอดจนความเชื่อ ของสังคมนั้น ๆ มักเต้นกันเป็นหมู่คณะ ใคร ๆ ก็สามารถเข้าร่วมได้ เพราะเป็นการแสดงเพื่อก่อให้เกิดความสนุกสนานและเพลิดเพลิน